

แนะนำตัวเอง
สวัสดีค่ะ ชื่อ ลักษิกา กิจศิริสิน ชื่อเล่นชื่อแพรวค่ะ อายุ 25 ปี ตอนนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับ เคสโทรศัพท์ไอโฟน ชื่อแบรนด์ Zene Studio (ซีน สตูดิโอ) วัสดุของเราจะเป็นหนังเทียม PU และตอนนี้ได้แตกไลน์สินค้าออกมาเป็นกระเป๋าใส่บัตร เคสไอแพด และเคสโน้ตบุ๊กค่ะ และตอนนี้ก็ดำเนิน ธุรกิจ กับพาร์ทเนอร์มากว่า 3 ปีแล้ว
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ และ แพชชั่นในเครื่องหนัง
ใช่ค่ะ เราชอบเครื่องหนังคุณภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย เพราะเครื่องหนังบ่งบอกถึงความสำเร็จ ความมั่นคง และอะไรหลาย ๆ อย่าง ธุรกิจของแพรวเริ่มต้นจากการความชอบส่วนตัว ที่แพรวชอบเปลี่ยนเคสมือถือ ประกอบกับเราชอบพวกแฟชั่นอยู่แล้วเป็นทุนเดิม คือเราไม่ได้คลั่งเคสขนาดนั้นนะคะ (หัวเราะ) แต่โจทย์คือ “เคสโทรศัพท์สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่ใช้แบรนด์เนม”คงจะดีถ้าเคสโทรศัพท์เราสามารถเข้ากับกระเป๋าเราในวันนั้น ๆ เพราะเคสมือถือ สำหรับเราถือว่าเป็น Accessory นึงที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้น เวลาเราสวมใส่ หรือ Mix & Match กับสิ่งของที่เราใช้เป็นประจำ เช่น Card Holder หรือกุญแจรถ บวกกับสังเกตเห็นสาว ๆ ส่วนใหญ่ที่สะพาย Chanel เราก็จะมีภาพขึ้นมาว่า ถ้าเค้ามีเคสมือถือหนังคาเวียร์ที่์แมตช์กับกระเป๋า ก็คงจะ Complete Look ขึ้น แล้วเราก็คิดเพิ่มเติมไปอีกว่า สาว ๆ ยุคใหม่หลาย ๆ คนที่ต้องพกบัตรต่าง ๆ ก็คงจะดีถ้าเราทำช่องใส่เคสด้านหลังได้ด้วย ก็สะดวกขึ้นนะ เลยตัดสินลองเริ่มมาเทสเองตั้งแต่ต้นจนจบ ค้นหาหนังที่ใช่ ไปจนถึงโรงงาน ควบคุมการผลิต จนมั่นใจมาก ๆ ในที่สุด
ความสำเร็จตามที่ตั้งใจ
พอหลังจากที่เปิดตัวขายอย่างเป็นทางการไปสักระยะนึง มีจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่า เนี่ย เรามาถูกทางแล้ว ซึ่งลูกค้าเราเยอะขึ้น เหนียวแน่นขึ้น เริ่มมีการกล่าวถึงเราในโซเชียลมีเดียมากขึ้น มีทุกวัน วันละหลาย ๆ คน รวมไปถึงจำนวนผู้ติดตามก็สูงขึ้นด้วย เค้ารู้สึกพราวด์ที่ใช้เคสเรา ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อเพิ่ม แนะนำเพื่อน ๆ ครอบครัว หรือเพื่อนที่ทำงาน ใครเห็นก็สนใจ สอบถามแล้วมาซื้อต่อ ๆ กันเรื่อยมา ทำให้ฐานลูกค้าเค้ากว้างขึ้น โดยลูกค้าของเรามีตั้งแต่อายุ 15-50 ปีเลยค่ะ อีกอย่างนึงที่เรามองเห็นเลยก็คือ เนื่องจากเคสโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ ผู้หญิงเปลี่ยนค่อนข้างบ่อยใช่ไหมคะ และเคสแบรนด์เนมมีราคาสูง หลักหมื่น บางคนอาจจะไม่สะดวกซื้อเปลี่ยนตลอด หรือรู้สึกไม่คุ้มค่า แต่ถ้าเป็นลายคาเวียร์หนังเทียมพรีเมี่ยม ก็จะทำการจับจ่ายเป็นไปได้ง่ายกว่า และประกอบกับในตลาดยังไม่มีใครใช้หนังหรือวัสดุลายนี้ การตัดเย็บ ดีไซน์แบบนี้ ทุกอย่างดังกล่าวมาประกอบกันทำให้เราประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ
AI กับความพัฒนาที่ไม่คาดคิด
จากใจเลยคือ แพรวไม่มีความรู้ด้านข้อมูลอะไรเลย จนกระทั่งมันเกิดทางตันที่เราหาทางออกไม่ได้อยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งคนทำธุรกิจหลาย ๆ คนน่าจะประสบปัญหานี้เช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ ทำการตลาดออนไลน์ไม่สำเร็จเท่าที่ควร กับเราจะขยายกลุ่มลูกค้าอย่างไร ที่มีอยู่ตอนนี้ยอดเริ่มเงียบ ยิงโฆษณาทุกทางแล้วก็ไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้ เลยมานั่งคิดว่า เอาล่ะ! เริ่มลอง Print ข้อมูลลูกค้า รวมถึงคอมเมนต์ต่าง ๆ มานั่งดูอยู่หลายวัน จ้องจนได้ความคิดและสังเกตได้ว่า เอ๊ะ สิ่งที่เป็นคำถามในหัวเรา แต่เราไม่รู้จะหาจากไหนคือ “คนเค้าพูดเกี่ยวกับเคสโทรศัพท์ว่าอะไรบ้างนะ?” เราจะไปเข้าหาคนจำนวนเหล่านั้นยังไง เลยตัดสินใจว่า มันต้องมีเครื่องมือที่ “ฟัง” แล้วเอามาบอกเราให้ได้ เพื่อให้เรารู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ซึ่งนั่นก็คือ “Social Listening Tools” ก็ไปศึกษาหาความรู้ว่าพอสมควร เลยเข้าใจได้ว่า Social Listening Tools คือ เครื่องมือทางการตลาด (Marketing Technology) ที่ใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้บริโภคที่อยู่บน Online ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบน Social Media, Blog, Website และช่องทางอื่น ๆ (ข้อมูลอ้างอิงจาก blog.hootsuite.com)
AI จะสามารถจับและทำให้เราเข้าใจกลุ่มของลูกค้าของเราได้เลยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบบริษัทของเราเพราะอะไร ลูกค้าอยากให้บริษัทปรับปรุง และ พัฒนาบริการด้านไหนบ้าง เราจะได้รู้ว่า ลูกค้าที่พูดถึงธุรกิจของเราบนโลกออนไลน์ เป็นใคร มีลักษณะนิสัย และมีความสนใจอะไร ซึ่งตรงนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญอีกด้วยค่ะ สิ่งนี้เป็นประโยชน์มาก ๆ ต่อการทำการตลาด การทำโฆษณา และการขายด้วย เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถนำผลลัพธ์จากการวิเคราะห์นั้นไปทำประโยชน์ ลดต้นทุน ได้เปรียบคู่แข่งในตลาด และพัฒนาคอนเทนต์หรือ Keywords ต่าง ๆ นำประสบการณ์ของลูกค้าที่มีการพูดถึงแบรนด์ไปปรับปรุงบริการของเราได้อีกด้วย และ ต่อยอดในธุรกิจของเราในด้านอื่น ๆ ต่อไปได้อีก
พอเราได้ข้อมูลที่เพียงพอ ก็ทำให้เรารู้ว่า โอเค ตอนนี้ลูกค้าไม่ได้มองหาแค่เคสโทรศัพท์แล้วนะ แต่ยังมองหา ที่ใส่บัตรที่ดูดีในราคาที่จับต้องได้ รวมถึงเคสไอแพด กระเป๋าใส่เหรียญ กระเป๋าตังหนังสวยๆ ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะเสริมสินค้าเราไปในทางไหนต่อ สีอะไรที่กำลังจะเป็น Pantone หลัก คนส่วนใหญ่ชอบรูปแบบ ดีไซน์ สีประมาณไหน ทำให้เราทำสินค้าออกมาได้โดนใจหรือตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเคยสต็อกขาด ต้องรอพรีออเดอร์กันเลย ซึ่งตรงนี้ทำให้เราเข้าใจแล้วว่า “เราจะไม่มีทางรู้จักลูกค้าได้ ถ้าไม่เคยฟังว่าลูกค้าพูดอะไร” โดยที่ประหยัดเวลามากขึ้น ไม่ต้องใช้เวลาทำหรือวิเคราะห์เซอร์เวย์เลย
จากนั้นพอเราได้ฐานข้อมูลคนที่สนใจ หรือมีแนวโน้มสนใจของเราแล้ว เราก็นำตรงนั้นไปยิงโฆษณาทางโซเชียลมีเดียได้อีก ซึ่งหัวใจหลักสำคัญเลยคือ เราจะต้องรู้ก่อนว่ากระเป๋า หรือสินค้าเราเหมาะกับคนกลุ่มไหน แล้วคนเหล่านั้นหรือคนอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงปกติแล้วมีไลฟ์สไตล์ยังไง ตื่นมาทำอะไรบ้างหลัก ๆ พอเรารู้แล้ว เราก็จะดูได้แล้วว่า สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายจะต้องมีสีหรือฟังก์ชันอะไรบ้าง เราจะต้องออกแบบมายังไงให้ตอบโจทย์ และยังช่วยประหยัดค่าโฆษณาออนไลน์ไปได้เยอะมากค่ะ ซึ่งตรงนี้ ถือว่ายิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัวเลยค่ะ ผลลัพธ์หลังจากนั้น ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับจนถึงวันนี้ค่ะ เราก็มีกำลังใจในการสั่งผลิต และรับพนักงานเพิ่มในส่วนต่าง ๆ ทำให้เราเติบโตขึ้นอีกกว่า 40% ในระยะเวลาที่รวดเร็วพอสมควร
กำลังใจสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่
ธุรกิจไม่มีสูตรที่ตายตัวจริง ๆ ขึ้นอยู่กับสินค้าเรา และหลาย ๆ อย่างประกอบ อยากให้ลองดูเทรนด์ ศึกษาตลาดก่อน ว่าอะไรกำลังมา และดูว่า อะไรที่เป็นจุดอ่อน-จุดแข็ง ของสินค้าเรา เราจะทำยังไงให้แตกต่าง เข้าใจตัวเราให้มาก ๆ เช่นกันเพราะจะทำให้เราไม่หลุดโฟกัส และมีเอกลักษณ์ และที่สำคัญการบริการก็เป็นปัจจัยสำคัญมาก เราอาจจะเพิ่มความใส่ใจ จริงใจต่อการขายเข้าไปด้วย ทำยังไงให้ตรงใจลูกค้า ก็ช่วยได้มากค่ะ และที่สำคัญต้องไม่ละเลย ฐานข้อมูลที่เรามี และเสาะหาเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีอะไรที่จะช่วยเสริมให้ธุรกิจหรือคำถามเราที่สงสัยถูกตอบได้ ธุรกิจสมัยนี้ คือศิลปะ การบริการ และเทคโนโลยีที่ผูกไว้ด้วยกันนะคะสำหรับแพรว ทุกอย่างมีทางไปเสมอ ความเหนื่อยเป็นเรื่องปกติ ล้มได้แต่ห้ามเลิก และพยามคิดบวกเข้าไว้เสมอค่ะ
เนื้อหาโดย ลักษิกา กิจศิริสิน
ตรวจทานและปรับปรุงโดย อิสระพงศ์ เอกสินชล